บาคาร่าเล่นยังไง คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่ 2025

บาคาร่าเล่นยังไง? เป็นคำถามที่ผู้สนใจเกมไพ่ชนิดนี้ถามบ่อยที่สุด บาคาร่าเป็นเกมคาสิโนที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี และยังคงเป็นหนึ่งในเกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก บทความนี้จะอธิบายวิธีเล่นบาคาร่าตั้งแต่พื้นฐาน กติกา การนับแต้ม ไปจนถึงเทคนิคที่ผู้เล่นทุกคนควรรู้

บาคาร่า คืออะไร

บาคาร่า (Baccarat) เป็นเกมไพ่ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลีในช่วงศตวรรษที่ 15 โดยชื่อ "Baccara" ในภาษาอิตาลีแปลว่า "ศูนย์" ซึ่งสื่อถึงค่าของไพ่หน้า (10, J, Q, K) ที่มีค่าเป็น 0 ต่อมาเกมนี้ได้แพร่หลายไปยังฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูง และในที่สุดก็กลายเป็นเกมยอดนิยมในคาสิโนทั่วโลก

หลักการเล่นบาคาร่านั้นเรียบง่ายมาก ผู้เล่นต้องทายว่าฝั่งไหนจะมีแต้มรวมใกล้ 9 มากกว่ากัน ระหว่าง:

  • Player (ผู้เล่น) - ฝั่งที่เรียกว่า "ผู้เล่น" แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณเล่นเอง
  • Banker (เจ้ามือ) - ฝั่งที่เรียกว่า "เจ้ามือ" แต่ไม่ได้หมายถึงคาสิโน
  • Tie (เสมอ) - ทายว่าทั้งสองฝั่งจะได้แต้มเท่ากัน

สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ ในบาคาร่า ผู้เล่นไม่ได้ "เล่น" เอง คุณเพียงแค่เลือกเดิมพันว่าฝั่งไหนจะชนะ เจ้ามือ (ดีลเลอร์) จะเป็นคนแจกไพ่และดำเนินเกมตามกฎที่กำหนดไว้ตายตัว

วิธีนับแต้มบาคาร่า

การนับแต้มในบาคาร่ามีหลักการที่ชัดเจนและไม่ซับซ้อน ดังนี้:

ไพ่ ค่าแต้ม
A (เอซ) 1 แต้ม
2 - 9 ตามหน้าไพ่ (2 = 2 แต้ม, 9 = 9 แต้ม)
10, J, Q, K 0 แต้ม

กฎสำคัญ: แต้มรวมจะนับเฉพาะหลักหน่วยเท่านั้น หากแต้มรวมเกิน 9 จะตัดหลักสิบออก

ตัวอย่างการนับแต้ม:

  • ไพ่ 7 + 5 = 12 → นับเป็น 2 แต้ม
  • ไพ่ 8 + 9 = 17 → นับเป็น 7 แต้ม
  • ไพ่ K + 4 = 4 → นับเป็น 4 แต้ม
  • ไพ่ A + 8 = 9 → นับเป็น 9 แต้ม (แต้มสูงสุด)

ประเภทการเดิมพัน

บาคาร่ามีตัวเลือกการเดิมพันหลัก 3 แบบ โดยแต่ละแบบมีอัตราจ่ายและความเสี่ยงต่างกัน:

1. เดิมพัน Player (ผู้เล่น)

เดิมพันว่าฝั่ง Player จะชนะ อัตราจ่าย 1:1 หมายความว่าหากเดิมพัน 100 บาท และชนะ จะได้ 100 บาท (ไม่รวมทุน) House Edge ของการเดิมพัน Player อยู่ที่ประมาณ 1.24%

2. เดิมพัน Banker (เจ้ามือ)

เดิมพันว่าฝั่ง Banker จะชนะ อัตราจ่าย 1:1 แต่จะถูกหักค่าคอมมิชชั่น 5% เมื่อชนะ (บางเว็บอาจต่างกัน) ดังนั้นหากเดิมพัน 100 บาท และชนะ จะได้ 95 บาท House Edge ของ Banker อยู่ที่ประมาณ 1.06% ซึ่งต่ำที่สุดในสามตัวเลือก

3. เดิมพัน Tie (เสมอ)

เดิมพันว่าทั้งสองฝั่งจะได้แต้มเท่ากัน อัตราจ่ายสูงถึง 8:1 (บางที่อาจจ่าย 9:1) แต่ House Edge สูงมากถึง 14.36% จึงไม่แนะนำสำหรับการเล่นระยะยาว

คำแนะนำ: นักเล่นมืออาชีพมักแนะนำให้เดิมพันฝั่ง Banker เป็นหลัก เนื่องจากมี House Edge ต่ำที่สุด และหลีกเลี่ยงการเดิมพัน Tie เพราะความได้เปรียบของเจ้ามือสูงมาก

กฎการจั่วไพ่ใบที่ 3

หลังจากแจกไพ่เริ่มต้นให้ทั้งสองฝั่งฝั่งละ 2 ใบ จะมีกฎตายตัวว่าจะต้องจั่วไพ่ใบที่ 3 หรือไม่ ผู้เล่นไม่ต้องตัดสินใจเอง เจ้ามือจะดำเนินการตามกฎที่กำหนด:

กฎ Natural

หากฝั่งใดได้ 8 หรือ 9 แต้มจากไพ่ 2 ใบแรก เรียกว่า "Natural" เกมจะจบทันทีโดยไม่มีการจั่วไพ่เพิ่ม ฝั่งที่มีแต้มสูงกว่าชนะ หรือเสมอหากแต้มเท่ากัน

กฎการจั่วไพ่ใบที่ 3 ของ Player

  • แต้ม 0-5: ต้องจั่วไพ่ใบที่ 3
  • แต้ม 6-7: หยุด (ไม่จั่วเพิ่ม)

กฎการจั่วไพ่ใบที่ 3 ของ Banker

กฎของ Banker ซับซ้อนกว่า และขึ้นอยู่กับไพ่ใบที่ 3 ของ Player ด้วย:

แต้ม Banker จั่วเพิ่มเมื่อไพ่ใบที่ 3 ของ Player เป็น
0-2 จั่วเสมอ
3 จั่วถ้าไพ่ Player ไม่ใช่ 8
4 จั่วถ้าไพ่ Player เป็น 2-7
5 จั่วถ้าไพ่ Player เป็น 4-7
6 จั่วถ้าไพ่ Player เป็น 6-7
7 หยุด (ไม่จั่ว)

ไม่ต้องกังวลหากจำกฎเหล่านี้ไม่ได้ เพราะในการเล่นจริง เจ้ามือ (ดีลเลอร์) จะดำเนินการตามกฎโดยอัตโนมัติ คุณเพียงแค่เลือกเดิมพันและรอผลลัพธ์

House Edge และอัตราต่อรอง

House Edge คือความได้เปรียบทางคณิตศาสตร์ที่คาสิโนมีเหนือผู้เล่นในระยะยาว ยิ่ง House Edge ต่ำ ยิ่งดีสำหรับผู้เล่น

การเดิมพัน อัตราจ่าย House Edge โอกาสชนะ
Banker 1:1 (หัก 5%) 1.06% 45.86%
Player 1:1 1.24% 44.62%
Tie 8:1 14.36% 9.52%

จากตาราง จะเห็นว่า Banker มี House Edge ต่ำที่สุดและมีโอกาสชนะสูงที่สุด แม้จะถูกหักค่าคอมมิชชั่น 5% ก็ยังคุ้มค่ากว่าตัวเลือกอื่น

ข้อมูลน่ารู้: เมื่อเทียบกับเกมคาสิโนอื่นๆ บาคาร่าถือว่ามี House Edge ต่ำมาก ตัวอย่างเช่น สล็อตออนไลน์มักมี House Edge 4-15% ขึ้นอยู่กับเกม ในขณะที่รูเล็ตแบบอเมริกันมี House Edge ประมาณ 5.26%

เทคนิคสำหรับมือใหม่

แม้ว่าบาคาร่าจะเป็นเกมที่พึ่งพาโชคเป็นหลัก แต่มีแนวทางที่สามารถช่วยให้ผู้เล่นจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น:

1. เข้าใจว่าไม่มีสูตรที่รับประกันชนะ

สูตรบาคาร่าที่เห็นตามโฆษณาส่วนใหญ่เป็นการตลาด ไม่มีสูตรใดที่สามารถเอาชนะ House Edge ได้ในระยะยาว ทุกรอบการเล่นเป็นอิสระจากกัน ผลลัพธ์ครั้งก่อนไม่มีผลต่อครั้งถัดไป

2. กำหนดงบประมาณก่อนเล่น

กำหนดเงินที่พร้อมจะเสียได้ และยึดมั่นกับขีดจำกัดนั้น เมื่อหมดงบที่กำหนดแล้ว ควรหยุดเล่น ไม่ควรพยายาม "ตามทุนคืน"

3. เลือกเดิมพัน Banker เป็นหลัก

จากสถิติ Banker มี House Edge ต่ำที่สุด จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในระยะยาว แม้จะถูกหักค่าคอมมิชชั่น

4. หลีกเลี่ยงการเดิมพัน Tie

แม้อัตราจ่ายจะดึงดูดใจ แต่ House Edge สูงมากทำให้ไม่คุ้มค่าในระยะยาว

5. อย่าใช้ระบบ Martingale

ระบบ Martingale (เพิ่มเดิมพันเป็นสองเท่าเมื่อแพ้) อาจดูน่าสนใจ แต่มีความเสี่ยงสูงมากและอาจทำให้ขาดทุนหนักได้

6. รู้จักหยุดเมื่อได้กำไร

กำหนดเป้าหมายกำไรที่พอใจ และหยุดเล่นเมื่อถึงเป้าหมาย อย่าโลภจนเสียทุกอย่างที่ได้มา

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบาคาร่า

บาคาร่าเล่นยังไงให้ได้เงิน? +

ไม่มีวิธีที่รับประกันว่าจะได้เงินจากการเล่นบาคาร่า เนื่องจากเป็นเกมที่ขึ้นอยู่กับโชคเป็นหลัก สิ่งที่ทำได้คือเลือกเดิมพันที่มี House Edge ต่ำ (Banker) จัดการเงินทุนอย่างรอบคอบ และกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน

Player vs Banker เดิมพันอะไรดีกว่า? +

จากสถิติ Banker มี House Edge ต่ำกว่าเล็กน้อย (1.06% vs 1.24%) จึงมีโอกาสชนะในระยะยาวมากกว่า แม้จะถูกหักค่าคอมมิชชั่น 5% เมื่อชนะก็ตาม

บาคาร่ามีสูตรเล่นไหม? +

ไม่มีสูตรที่รับประกันการชนะ เนื่องจากบาคาร่าเป็นเกมที่ขึ้นอยู่กับโชคและแต่ละรอบเป็นอิสระจากกัน "สูตร" ที่เห็นตามโฆษณาส่วนใหญ่เป็นการตลาดที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางคณิตศาสตร์

ควรเดิมพัน Tie ไหม? +

ไม่แนะนำ แม้ว่าอัตราจ่ายจะสูง (8:1 หรือ 9:1) แต่ House Edge ของ Tie สูงถึง 14.36% ซึ่งหมายความว่าคาสิโนมีความได้เปรียบสูงมากในการเดิมพันประเภทนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง